การอาราธนาพระเครื่องเพื่อป้องกันฯลฯ |
การอาราธนาพระเครื่องเพื่อป้องกัน ฯลฯ ที่ผู้เขียนได้สนทนากับ หลวงพ่อ...(อาจารย์) ของผู้เขียนท่านได้ให้ข้อคิดและชี้แนะมา จึงได้เขียนเพื่อเป็นธรรมทานให้ผู้สนใจได้นำไปปฏิบัติเพื่อรอดพ้นจากภัย ต่างๆ (ผู้เขียนขอสรุปสั้นๆ เพื่อความกระชับ)
วัตถุประสงค์ของการอาราธนาพระเครื่อง...แต่ละคนมีความแตกต่างกัน เช่น
--- เพื่อป้องกันภัยอัตรายฯลฯ
--- เพื่อปกป้องคุ้มครองฯลฯ
--- เพื่อการค้า ฯลฯ
--- เพื่อติดต่อธุระ ฯลฯ
--- เพื่อ.........
เวลาที่เหมาะสมในการอาราธนาพระ...
--- เช้า เช่น ช่วงตื่นนอนใหม่ๆ หรือ นำพระมาห้อยแขวนคอ, ใส่ที่จะพกพาฯลฯ
--- ค่ำ เช่น ก่อนนอน หรือ นำพระออกจากคอ ฯลฯ
เทคนิคการอาราธนาพระ...
--- การบวงสรวงพระเครื่อง(บูชา)...จะต้องทำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 เวลา เช้า และ ค่ำ
***** เนื่องมาจากหลายๆคนมักจะหยิบสายสร้อยขึ้นมาคล้องคอแล้วก็ไปไหนมาไหน เพื่อไปทำธุระหลากหลาย ในบางครั้งเกิดเหตุ...ที่ไม่ดีขึ้น ไม่ว่าจะลมเพลมพัด ภัยอันตรายต่างๆ เทพเทวดาอยากจะคุ้มครอง หรือ อยากจะสงเสริม ไม่สามารถที่จะช่วยได้เต็มที่ เนื่องมาจากไม่ได้บวงสรวงบูชาบอกกล่าวท่านฯ
--- การอาราธนาพระ...จะต้องขอบารมีพระเบื้องบน...(รายละเอียดในกระทู้ 136) ตามด้วยเรื่อง...ที่ต้องการ
***** ขอเมตตาสงเคราะห์ เช่น เรื่อง ภัยอันตารายจากภัยพิบัติ การขึ้นโรงขึ้นศาล โรคระบาด ทำการค้า ฯลฯ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะต้องบอกกล่าวขอ ท่าน... เมตตาสงเคราะห์ เทวาดาที่ดูแลรักษาองค์พระเครื่อง...จะช่วยเหลือได้เต็มที่ (ไม่เกินกว่ากรรม)
การอาราธนา(บูชา, บวงสรวง) พระเครื่อง...พระบูชา...มีเงื่อนไขอย่างไร
--- ต้องการความร่ำรวย หา พระ...หรือวัตถุ ที่สร้างมา มีพลัง ดูทรัพย์ หรือ เกี่ยวกับโภคทรัพย์
--- ต้องการป้องกันภัยพิบัติ หาพระ...หรือวัตถุ ที่สร้างมา เพื่อป้องกันภัยพิบัติ
--- ต้องการป้องกันสิ่งอัปมงคล หาพระ...หรือวัตถุ ที่สร้างมา เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคล
สรุป ต้องการอะไร...ให้หา พระเครื่อง...หรือวัตถุมงคล ที่ผู้สร้าง ผู้อธิษฐานจิต ได้สร้างอธิษฐานด้านที่ต้องการนำมาบูชา ข้อสำคัญท่านจะทราบหรือไม่ว่า พระ...หรือ วัตถุชิ้ันดังกล่าว มีดีอย่างไร
ยุคนี้เป็นยุคของภัยพิบัติ โรคระบาด เศรษฐกิจย่ำแย่
--- ผู้เขียนขอแนะนำ อย่างน้อยควรมี วัตถุมงคลประเภท ป้องกันภัยพิบัติ โรคระบาด ดูดทรัพย์และโภคทรัพย์ และสิ่งที่อาจารย์ของผู้เขียนแนะนำมาอีกเรื่อง คือ เร่งปฏิบัติ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น